เคล็ดลับปกป้อง

ข้อมูล คำแนะนำ และเคล็ดลับการดูแลแมวจากสัตวแพทย์ เพื่อช่วยให้คุณดูแลแมวแสนรักให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุข และอยู่กับคุณไปนาน ๆ

บทความล่าสุด

  • ถ้าน้องแมวได้รับวัคซีนที่จำเป็นในแต่ละช่วงอายุไม่ครบจะเป็นไง ?แล้วมีวัคซีนหรือโปรแกรมไหนบ้างที่จำเป็น ?

    “ตอบปัญหาคาใจทาสแมว ! 🥰ถ้าน้องแมวได้รับวัคซีนที่จำเป็นในแต่ละช่วงอายุไม่ครบจะเป็นอย่างไร ? 🤔แล้วมีวัคซีนหรือโปรแกรมไหนบ้างที่จำเป็น ? 🤔 📍 วัคซีนคืออะไร ? 💉วัคซีนคือตัวช่วยสำคัญที่จะเข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของน้องแมวซึ่งพัฒนามาจากเชื้อโรคที่ทำให้อ่อนแรงจนไม่สามารถทำให้เกิดอาการป่วยได้เชื้อที่ตายแล้ว หรือชิ้นส่วนของเชื้อโรค 📍 ทำไมต้องเรียกว่า “โปรแกรมวัคซีน” ? 🗓สาเหตุที่ต้องเรียกว่า “โปรแกรม” เป็นเพราะการให้วัคซีนจำเป็นที่จะต้องให้หลายเข็มติดต่อกัน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการจดจำเชื้อโรคได้ โดยโปรแกรมวัคซีนหลักในน้องแมวจะเริ่มให้ตั้งแต่น้องแมวอายุครบ 8 สัปดาห์ และให้ทั้งหมด 3 เข็มห่างกัน 2-4 สัปดาห์ตามคำแนะนำของคุณหมอ 📍 ถ้าให้ไม่ครบจะเกิดอะไรขึ้น ? 🙀หากให้ไม่ครบ ไม่ว่าจะให้แค่เข็มเดียว หรือให้ไม่ติดต่อกัน ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายจะค่อย ๆ ลดลง จนในที่สุดก็จะจดจำเชื้อโรคไม่ได้ และไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคเมื่อเข้าสู่ร่างกายได้นั่นเอง 📍 วัคซีนหรือโปรแกรมไหนบ้างที่จำเป็น ? 😀วัคซีนที่แนะนำให้ฉีดในน้องแมว คือ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียในแมว และวัคซีนรวม ซึ่งในปัจจุบันการฉีดวัคซีนรวมเพียงเข็มเดียวก็สามารถปกป้องครอบคลุมได้ถึง 3 โรค ได้แก่ โรคไข้หัดแมวโรคไข้หวัดแมว และโรคช่องปากและลิ้นอักเสบในแมว โดยโปรแกรมที่แนะนำได้แก่ 🐱 โปรแกรมวัคซีนสำหรับน้องแมว🗓…

    อ่านต่อ  ‣: ถ้าน้องแมวได้รับวัคซีนที่จำเป็นในแต่ละช่วงอายุไม่ครบจะเป็นไง ?แล้วมีวัคซีนหรือโปรแกรมไหนบ้างที่จำเป็น ?
  • คาดไม่ถึง….ข้อควรรู้ ! สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ! เมื่อเลี้ยงน้องแมวระบบปิด

    “ใครว่าเลี้ยงน้องแมวให้อยู่แต่ในระบบปิด น้องแมวจะปลอดภัยจากภัยร้ายรอบตัว… 😱 เพราะสิ่งต่าง ๆ รอบตัว (โดยเฉพาะสิ่งที่เจ้าของมักมองข้าม) ก็อาจนำภัยร้ายมาสู่น้องแมวได้ 😱 ภัยร้ายที่เจ้าของมักมองข้าม ได้แก่ 🧴 ผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดพื้น :ถึงแม้น้ำยาทำความสะอาดพื้นจะสามารถช่วยกำจัดเชื้อโรคได้ แต่สารเคมีเหล่านี้นับเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้น้องแมวเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน นอกจากนี้กลิ่นของน้ำยาทำความสะอาดพื้นยังอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองในทางเดินหายใจของน้องแมว ทำให้น้องแมวป่วยได้อีกด้วย 🧴 ผงซักฟอก/น้ำยาซักผ้า/น้ำยาปรับผ้านุ่ม :ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนับเป็นสารเคมีซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังของน้องแมว ส่งผลให้น้องแมวเกิดอาการแพ้ คัน และขนร่วงได้ เจ้าของควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ไม่ทิ้งสารเคมีตกค้าง และล้างน้ำให้สะอาดทุกครั้ง 🧴 น้ำยาล้างอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น จาน ชาม ถ้วย ของเล่น :น้ำยาล้างทำความสะอาดเหล่านี้นับเป็นสารเคมีที่น้องแมวมีโอกาสสัมผัสได้สูงหากเลือกแบบที่ออกฤทธิ์แรงหรือล้างน้ำไม่สะอาด อาจมีสารตกค้างสะสมและเป็นอันตรายต่อน้องแมวได้ 🔸 สเปรย์ปรับอากาศ/กลิ่นภายในบ้าน :น้องแมวเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นที่ดีกว่ามนุษย์ ดังนั้นการใช้สารเคมีในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นสเปย์ปรับอากาศ กลิ่นน้ำหอม รวมถึงควันจากธูป อาจเป็นสาเหตุทำให้น้องแมวเกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจได้ 🔸 แป้งฝุ่นทาตัว :แป้งฝุ่นเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ฟุ้งกระจายในอากาศ สามารถเป็นตัวการในการกระตุ้นและเพิ่มโอกาสการเป็นภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้น้องแมวเกิดการจามหายใจติดขัด ระคายเคือง แพ้ หรือติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ 🔸 ปรสิตตัวร้ายทั้งภายในและภายนอก :ถึงแม้จะเลี้ยงน้องแมวในระบบปิด…

    อ่านต่อ  ‣: คาดไม่ถึง….ข้อควรรู้ ! สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ! เมื่อเลี้ยงน้องแมวระบบปิด
  • เป็นเมี๊ยวอัธยาศัยดี…รู้ตัวอีกทีติดโรคจากเมี๊ยวเพื่อนบ้าน? 😰

    “น้องเหมียวบ้านไหน อัธยาศัยดีเป็นที่ 1 ยกมือขึ้นน ! 🙋🏻‍♂️ไม่ว่าจะแขกไปใครมา ทั้งแมวจร แมวแปลกหน้า แค่วนเวียนอยู่หน้าบ้านเพียงเห็นปุ๊บก็รีบวิ่งออกไปต้อนรับแทบจะทันที 🤣รู้หรือไม่ !? พฤติกรรมแบบนี้อาจนำมาซึ่งการติดโรคร้ายไม่รู้ตัว ! 😱โรคร้ายที่ติดต่อง่ายขนาดนี้มีอะไรบ้าง ? แล้วติดได้ยังไงกันนะ ? ไปดูกัน ! ☠️ “เห็บ หมัด ไร พยาธิ” ตัวการโรคร้ายจากปรสิต 😿ขอยกให้ปรสิตเป็นอันดับ 1 ด้านการติดต่อง่าย เพราะแค่เพียงเดินผ่านก็แทบจะติดกันได้แล้ว ! โดยเฉพาะปรสิตภายนอกอย่างเช่นเห็บ หมัด และไรเพราะพวกมันสามารถกระโดด หรือไต่จากน้องแมวจรมาสู่น้องแมวของเราได้ง่าย ๆและถึงแม้จะมีมุ้งลวดหรือหน้าต่างป้องกัน แต่พวกมันก็สามารถหาหนทางเพื่อเข้ามาหาน้องแมวภายในบ้านเพื่อทำร้ายน้องแมวจนได้ในท้ายที่สุดนอกจากนี้พยาธิภายในที่อาจติดต่อกันผ่านทางอุจจาระที่ปนเปื้อนมากับน้องแมวจรซึ่งอาจติดอยู่กับสิ่งแวดล้อมได้นานหลายเดือน ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มองข้ามไม่ได้เลยล่ะ โดยโรคร้ายที่สามารถเกิดได้มีทั้งโรคพยาธิเม็ดเลือดในแมวที่มีสาเหตุมาจากการโดนหมัดกัด โรคภูมิแพ้น้ำลายหมัด โรคผิวหนัง คัน ขนร่วง จากการโดนเห็บกัดรวมถึงสุขภาพที่เสื่อมโทรมจากการติดพยาธิในทางเดินอาหารนั่นเอง ☠️ “เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย” ตัวการโรคติดต่อแสนน่ากลัว 😿เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดสามารถติดต่อกันได้ผ่านหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นสารคัดหลั่ง (น้ำมูก น้ำลาย) รวมถึงแพร่ผ่านอากาศที่น้องแมวหายใจซึ่งเชื้อเหล่านี้จะเข้าไปภายในร่างกายและกระตุ้นให้น้องแมวเกิดความผิดปกติต่าง ๆตามมา เช่น โรคไข้หัดแมว…

    อ่านต่อ  ‣: เป็นเมี๊ยวอัธยาศัยดี…รู้ตัวอีกทีติดโรคจากเมี๊ยวเพื่อนบ้าน? 😰

  • เจ้าเหมียวเลียขนบ่อยเกินไป เอ๊ะ! รักสวยรักงามหรือกำลังส่งสัญญาณว่าป่วย?

    “เจ้าเหมียวเลียขนก็ดูปกติดี แต่เอ๊ะ ! ทำไมเลียบ๊อยบ่อยย แถมขนร่วงเอ๊าา ร่วงเอาา 🙀เจอแบบนี้ระวังให้ดี ! น้องแมวเลียขนบ่อย อาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังได้ ! 🐱 น้องแมวเลียขน ผิดปกติไหมนะ ??พฤติกรรมเลียขนในน้องแมว ถือเป็นพฤติกรรมตามปกติเพื่อกระตุ้นการผลัดขนผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว แถมยังช่วยระบายความร้อนได้อีกด้วยแต่ในบางกรณีที่น้องแมวเลียขนมากเกินไป อาจเกิดจาก “อาการคัน”ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคผิวหนัง โดยน้องแมวที่เลียมากจนเกินไปจะพบอาการขนร่วงตามบริเวณที่เลีย มีอาการแดง คัน น้องแมวอาจเลียไม่ยอมหยุดแม้เจ้าของจะพยายามจับไม่ให้เขาเลียแล้วก็ตาม หากปล่อยไว้อาการของโรคอาจรุนแรงขึ้นพบอาการขนร่วงมาก เกิดแผลในบริเวณดังกล่าว รวมถึงติดเชื้อแทรกซ้อนจากแผลได้ 🐱 แบบไหนเรียกเลียผิดปกติกันน้าา ??✅ เลียไม่ยอมหยุดในบริเวณเดิมซ้ำ ๆ✅ เลียตลอดเวลาจนไม่ทำกิจกรรมอื่น ๆ✅ ถึงแม้จะพยายามจับไม่ให้เลียก็ยังคงพยายามเลีย✅ พบขนร่วงในบริเวณที่เลีย 🐱 โรคผิวหนังที่ว่า คือโรคอะไรกันนะ ?“โรคผิวหนังที่ก่อให้เกิดอาการคันทุกชนิด กระตุ้นให้น้องแมวมีพฤติกรรมการเลียได้” ตัวอย่างโรคผิวหนังที่พบบ่อย ๆ ในน้องแมว ได้แก่🔸 โรคภูมิแพ้จากปรสิตภายนอก : ไม่ว่าจะเห็บ หมัด เหา รวมถึงไรในหู ปรสิตภายนอกเหล่านี้จะเข้ามากันน้องแมว และเป็นสาเหตุทำให้น้องแมวเกิดอาการคันได้🔸 โรคภูมิแพ้น้ำลายหมัด : เกิดจากการที่ผิวหนังของน้องแมวตอบสนองต่อสารกระตุ้นความคันในน้ำลายหมัด…

  • ทาสแมวต้องระวัง ! พยาธิไชผิวหนังจากการใกล้ชิด!!😱

    “รู้หรือไม่ !? น้องแมวมีพยาธิ ก็สามารถติดมาสู่เจ้าของได้ ! 😱ใกล้ชิดเกินไปอาจไม่ดี เพราะ “พยาธิปากขอ” อาจไชเข้าผิวหนังเจ้าของโดยไม่รู้ตัวพยาธิปากขอคืออะไร ? และสามารถติดต่อจากน้องแมวมาสู่เจ้าของได้อย่างไรกันนะ ?ไปหาคำตอบจากคุณหมอกันน !📍 “พยาธิปากขอ” ปีศาจจอมกัดแทะแห่งทางเดินอาหาร 🪱พยาธิปากขอ คือพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะคือมีฟันแหลมคมคล้ายตะขอ พวกมันมักเข้าสู่ร่างกายของน้องแมวผ่านทางการกินอาหารของน้องแมว เข้าสู่ทางเดินอาหารและอยู่อาศัยบริเวณลำไส้เล็ก โดยพวกมันจะใช้ฟันอันแหลมคมกัดเข้ากับลำไส้เพื่อดูดเลือดของน้องแมวกินเป็นอาหาร สามารถพบได้ทั่วไปทั้งในสิ่งแวดล้อมและในร่างกายของน้องแมว โดยเฉพาะในน้องแมวที่ไม่เคยใช้โปรแกรมป้องกันพยาธิภายในหรือเข้ารับการถ่ายพยาธิกับคุณหมอ 📍 ติดต่อง่าย หันไปทางไหนก็เจอแต่พยาธิปากขอ ! 🪱น้องแมวสามารถติดพยาธิปากขอได้จาก🔸 จากเพื่อนแมวด้วยกันเอง 🐱 : โดยพยาธิปากขอจะออกไข่ และออกมากับอุจจาระของน้องแมว เมื่อน้องแมวตัวอื่น ๆ มาสัมผัสหรือกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระที่มีไข่พยาธิ ก็จะสามารถติดพยาธิปากขอได้🔸 จากสิ่งแวดล้อม 🏡 : พยาธิปากขอสามารถอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน โดยพวกมันมักอยู่อาศัยบนพื้นดินที่มีความชื้นแฉะ เมื่อน้องแมวสัมผัสกับพื้นดินบริเวณนั้น ๆ พวกมันจะใช้ปากเจาะและชอนไชเข้าสู่ผิวหนังของน้องแมว ทำให้เกิดการติดเชื้อในลักษณะของการไชเข้าสู่ผิวหนังต่อไป🔸 จากการกินสัตว์พาหะ 🐭 : พยาธิปากขอมักมีหนูหรือแมลงสาบเป็นพาหะ เมื่อน้องแมวล่าสัตว์ดังกล่าวก็อาจเผลอกินพยาธิเข้าสู่ร่างกายได้ 📍 “พยาธิไชผิวหนัง” ภาวะอันตรายจากการใกล้ชิดน้องแมว 🪱คนเองก็ติดพยาธิปากขอจากน้องแมวได้เช่นกัน !…

  • เจ้าเหมียวเป็นลิวคีเมีย จะรุนแรงเหมือนโรคลูคีเมียในมนุษย์มั้ยนะ?? 🙀

    ““ลิวคีเมีย” แค่ได้ยินชื่อก็ขนหัวลุก ! 🙀 ถ้าน้องแมวป่วยด้วยโรคลิวคีเมียจะอันตรายแค่ไหน ? ถึงตายไหมนะ !? ไปหาคำตอบจากคุณหมอกัน 📍 โรคลิวคีเมีย คืออะไร ? โรคลิวคีเมีย (leukemia) คือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวซึ่งเกิดจากการที่เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดตัวอ่อนเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติภายในร่างกาย โดยเซลล์เม็ดเลือดขาวเหล่านี้จะไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวแก่เพื่อทำหน้าที่ได้ตามปกติ ซ้ำยังยับยั้งการเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดชนิดอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติตามมา 📍 อาการของโรคลิวคีเมีย ? อาการของโรคลิวคีเมียที่พบได้บ่อยคือร่างกายเกิดการความอ่อนแอ อ่อนเพลีย มีเลือดออกผิดปกติหรือมีจุดเลือดออกจากการที่เกล็ดเลือดต่ำ ติดเชื้อง่ายจากการที่เซลล์เม็ดเลือดขาวอ่อนแอในรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ! 📍 โรคลิวคีเมียในน้องแมว vs โรคลิวคีเมียในคน ถึงจะชื่อเดียวกันแต่โรคลิวคีเมียในน้องแมวและโรคลิวคีเมียในคนก็มีความแตกต่างกันอยู่นะ 🔸 ด้านสาเหตุ 🐱 แมว : เกิดจากการติดเชื้อไวรัส FeLV👦🏻 คน : เกิดจากพันธุกรรม และความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิด 🔸 ด้านการติดต่อ 🐱 แมว : ติดต่อระหว่างกันได้ผ่านทางสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำตา น้ำนม ปัสสาวะและอุจจาระ…

  • รองเท้าของทาส…สาเหตุที่ทำให้เหมียวป่วยได้ 🙀

    “ใครว่ามีแต่น้องหมาที่ชอบงับรองเท้า… น้องเหมียวบ้านเรานี่แหละ จอมทำลายล้างรองเท้าอันดับหนึ่ง ! 🤣 ถึงแม้รองเท้าจะเป็นของเล่น (?) อันโปรดปรานของน้องเหมียว แต่รู้หรือไม่ ? การเล่นรองเท้าบ่อย ๆ อาจทำให้น้องเหมียวป่วยได้ ! 🙀 🤔 ทำไมแค่เล่นรองเท้าก็ป่วยได้ ? ✅ นั่นเป็นเพราะรองเท้าเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ มากมาย ซึ่งอาจบังเอิญไปปนเปื้อนกับปัสสาวะและอุจจาระของน้องแมวจรที่ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ หรือมีตัวอ่อนของปรสิตรวมถึงไข่พยาธิปะปนอยู่ ส่งผลให้เมื่อน้องแมวมากัด แทะ เล่นหรือคลอเคลียกับรองเท้าของทาสจึงอาจรับเชื้อเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายได้นั่นเอง 🤔 ร้ายแรงแค่ไหนกันนะ ? ✅ ขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่น้องแมวรับเข้าไปหากเป็นไข่หรือตัวอ่อนของพยาธิ พยาธิเหล่านี้จะเข้าไปภายในทางเดินอาหารของน้องแมว และใช้ฟันอันแหลมคมกัดเพื่อดูดเลือดแย่งชิงสารอาหารภายในลำไส้ส่งผลให้น้องแมวผอม อ่อนเพลีย และป่วยได้ง่าย หากเป็นกรณีร้ายแรงเช่น เชื้อโรคฉี่หนู อาจทำให้น้องแมวป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ! 🤔 ป้องกันอย่างไรดี ? ✅ วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือ 🔸 การป้องกันไม่ให้น้องแมวมาเล่นรองเท้า โดยอาจเก็บรองเท้าในที่มิดชิดเพื่อป้องกันไม่ให้น้องแมวเข้าถึงได้ 🔸 ล้างมือ หรืออาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อนเล่นกับน้องแมว 🔸 หาของเล่นใหม่…

  • เรื่องใหญ่แล้ว เหมียวเป็นไรในหูยกแกงค์ 🙀

    “เรื่องใหญ่มาเยือน เมื่อน้องแมว “คัน เกา สะบัดหู” ยกแก๊งแบบนี้เสี่ยงติดไรในหูชัวร์ ! 🙀เป็นไปได้ยังไงงง น้องแมวติดไรในหูมาจากไหนกันนะ ? 🤔เปิดโผ 3 อันดับ “ไรในหู” ติดจากไหนได้บ้าง มาดูกัน ! 👉🏻 ติดจากเพื่อน (แมวสู่แมว) 🐱สาเหตุอันดับ 1 ก็คือติดจากเพื่อนแมวด้วยกันเองนี่แหละ !เพราะ “ไรในหู” เป็นปรสิตที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่องหูของน้องแมวเป็นหลักเมื่อน้องแมวอาศัยอยู่ร่วมกันหลาย ๆ ตัว หรืออยู่ตัวเดียว แต่มีเพื่อนแมวจรแวะมาเยี่ยมเยียน พวกเขามักมีพฤติกรรมคลอเคลียซึ่งกันและกันจนเกิดการติดต่อของไรในหูจากน้องแมวตัวหนึ่งไปยังน้องแมวอีกตัวหนึ่งได้นอกจากนี้ อีกหนึ่งกรณีที่มักพบได้บ่อยในน้องแมวอายุน้อยคือการที่แม่แมวที่มีไรในหูมักอาศัยอยู่ใกล้ชิดกับลูกแมว จึงทำให้เกิดการติดต่อจากแม่ไปสู่ลูกได้นั่นเอง โดยน้องแมวที่มักมีโอกาสติดไรในหูได้มากคือน้องแมวที่เลี้ยงแบบปล่อยออกนอกบ้านได้อย่างอิสระเพราะมีโอกาสรับเอาตัวไรมาจากแมวจรหรือสิ่งแวดล้อมนอกบ้าน 👉🏻 ติดจากเพื่อนต่างสายพันธุ์ (สุนัขสู่แมว) 🐶สาเหตุรองลงมาก็คือการติดต่อกันข้ามสายพันธุ์หรือที่มักพบในกรณีของการติดไรในหูจากน้องหมามาสู่น้องแมวนั่นเองสาเหตุเป็นเพราะเจ้าไรในหูที่ติดต่อกันทั้งในน้องหมาและน้องแมวเป็นไรสายพันธุ์เดียวกัน การติดต่อจึงติดข้ามกันไปมาได้นั่นเอง นอกจากนี้ นอกจากน้องแมวและน้องหมาแล้วยังเคยมีรายงานการติดไรในหูจากทั้งในกระต่ายและเฟอเรทอีกด้วยดังนั้นหากบ้านไหนเลี้ยงน้องแมวร่วมกับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษอื่น ๆอย่าลืมระมัดระวังการติดไรในหูมาสู่น้องแมวให้ดี พร้อมทั้งป้องกันไรในหูกับสัตว์เลี้ยงทุกตัวภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตัดวงจรไรในหูภายในบ้าน 👉🏻 ติดจากเจ้าของ 👨🏻สาเหตุสุดท้ายคือการติดจากเจ้าของมาสู่น้องแมว(ถึงจะมีโอกาสพบได้น้อย แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้นะ !)จากการที่เจ้าของออกไปเที่ยวนอกบ้านและสัมผัสกับแมวที่มีไรในหูเจ้าไรในหูอาจติดมากับมือของเจ้าของ เมื่อเจ้าของลูบไล้น้องแมวไรในหูจึงติดไปสู่น้องแมวได้นั่นเอง ไรในหู ติดต่อง่าย แถมติดได้หลายช่องทางกว่าที่คิด !ปิดจุดบอด เสริมการป้องกันการติดไรในหูให้กับน้องแมวตั้งแต่วันนี้…

  • เลือกยังไงให้มงลง !! วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันไรในหู

    “ไรในหู ศัตรูตัวฉกาจของน้องแมว สาเหตุของภาวะช่องหูอักเสบที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ! 😱 ถึงจะฟังดูน่ากลัว แต่ไรในหู สามารถกำจัดและป้องกันได้ด้วยผลิตภัณฑ์ป้องกันไรในหูที่มีประสิทธิภาพ 🥳 แต่เอ๊ะ ! ผลิตภัณฑ์ป้องกันไรในหูสำหรับน้องแมวมีขายตั้งมากมายในท้องตลาด(แถมยังมียาเถื่อนสุดแสนจะอันตรายแอบขายอยู่อีกด้วย!) แล้วแบบนี้ทาสแมวอย่างเราจะเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันไรในหูอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผลดี 🤔 วันนี้ เรามีเทคนิควิธีเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันไรในหูสำหรับน้องแมวมาฝากจะเลือกยังไงให้มงลงมาดูกัน ! 🥰 ✅ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันไรในหูสำหรับน้องแมว ต้องเลือกแบบที่มั่นใจว่าปลอดภัยทั้งกับน้องแมวและเจ้าของ โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากระบุรายละเอียดอย่างชัดเจนทั้งชื่อการค้า ชื่อตัวยา ปริมาณยา วิธีการใช้ คำเตือน ข้อควรระวัง วิธีการเก็บรักษารายละเอียดผู้ผลิตและจัดจำหน่าย รวมถึงวันที่ผลิต วันที่หมดอายุ และที่สำคัญต้องมีเลขทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายระบุไว้ข้างกล่อง ✅ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ตัวยาได้รับการรับรองจากสัตวแพทย์บอกลายาแปลก ยาเถื่อน โดยการขอคำแนะนำตัวยาที่ปลอดภัยจากสัตวแพทย์ซึ่งตัวยาเหล่านั้นจะต้องได้รับการรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) (หากไม่มั่นใจสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของ อย. ได้เลย) ✅ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพประสิทธิภาพถือเป็นสิ่งสำคัญไม่ต่างจากความปลอดภัย เจ้าของควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มั่นใจว่าออกฤทธิ์ได้เร็วและเห็นผลตั้งแต่การใช้ครั้งแรก เพราะช่วงเวลาที่น้องแมวไม่ได้รับการปกป้องจากการรอผลิตภัณฑ์ออกฤทธิ์ถือเป็นช่องว่างสำคัญที่ทำให้น้องแมวมีไรในหูและเกิดภาวะช่องหูอักเสบตามมาได้ ✅ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อน้องแมวโดยเฉพาะห้ามใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ชนิดอื่น เช่น ผลิตภัณฑ์ป้องกันปรสิตสำหรับน้องหมาในน้องแมว เนื่องจากชนิดของยาและปริมาณยาที่เหมาะสมมีความแตกต่างกันอาจก่อให้เกิดอันตรายเมื่อใช้ในน้องแมวได้ ✅ เลือกขนาดของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับน้องแมวผลิตภัณฑ์ป้องกันปรสิตและไรหูในน้องแมวมักจะแนะนำให้ใช้อย่างเหมาะสมกับน้ำหนักตัวและอายุของน้องแมว ดังนั้นการเลือกซื้อแต่ละครั้งควรรู้น้ำหนักตัวและอายุ เพื่อสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ขนาดที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเกินขนาดนั่นเอง ✅ เลือกผลิตภัณฑ์ที่แห้งไว…

  • คาดไม่ถึง….ข้อควรรู้ ! สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ! เมื่อเลี้ยงน้องแมวระบบปิด

    “ใครเคยสงสัยบ้างว่าถ้าน้องแมวมีไรในหู ควรหยดหลังคอหรือหยดยาในหูดี ?แล้วทั้งสองวิธีนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ? 🤔วันนี้เรามีคำตอบจากคุณหมอมาฝาก ! 🥰 🌟 การหยดหลังคอ และ การหยดยาในหู มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน !ไม่เหมือนกัน และแทนกันไม่ได้ ! 🌟 🐱 การหยดหลังคอ เป็นการหยดยาที่ออกฤทธิ์ในการป้องกันปรสิตในน้องแมวโดยเฉพาะไรในหู ซึ่งตัวยาจะซึมผ่านชั้นไขมันของน้องแมว และกระจายตัวเข้าสู่ร่างกายเพื่อออกฤทธิ์ป้องกันปรสิต 🐱 การหยดยาในหู โดยปกติจะมี 2 รูปแบบ คือ🔸 การหยดน้ำยาล้างหู เป็นการหยดน้ำยาเพื่อทำความสะอาดช่องหู โดยเฉพาะการขจัดเอาขี้หูและสิ่งสกปรกออกจากช่องหู เพื่อให้ยาหยดหูออกฤทธิ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น🔸 การหยดยาในหู เป็นการหยดยาที่ออกฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราเพื่อรักษาภาวะช่องหูอักเสบในน้องแมว โดยภาวะช่องหูอักเสบนี้มักเป็นภาวะที่พบตามมาเมื่อน้องแมวมีไรในหูแมวนั่นเอง 📍 สรุปแบบเข้าใจง่าย ๆ 👨🏻‍⚕️ เมื่อน้องแมวมีไรในหู สิ่งแรกที่ต้องทำคือการพาน้องแมวไปรับการตรวจกับคุณหมอ หากน้องแมวป่วยด้วยภาวะช่องหูอักเสบจากการติดไรในหู คุณหมอจะทำการหยดน้ำยาล้างหูเพื่อทำความสะอาดช่องหู จากนั้นหยดยาเพื่อรักษาภาวะช่องหูอักเสบ ควบคู่ไปกับการหยดหลังเพื่อกำจัดไรในหู และป้องกันการกลับมาติดไรในหูซ้ำนั่นเอง ! 🥰 ไม่อยากให้น้องแมวมีไรในหู อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์หยดหลังที่มีคุณภาพและออกฤทธิ์ป้องกันไรในหูได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🧡 🐱 ดูแลน้องแมวด้วย EVOLUTION of Cat…

  • หยดหลังคอแล้วยังต้องหยดยาในหูอีกไหม หยดยังไง? สรุปแล้วต้องใช้อะไรดี?

    “คำถามยอดฮิตจากทางบ้าน ! เห็นขนน้องแมวร่วงบนพื้นบ่อย ๆ แบบนี้คือ “ป่วย”หรือ “ผลัดขน” กันแน่นะ ? 😰 อาการขนร่วงในน้องแมว เกิดจากอะไรได้บ้าง ไปดูกัน ! 📍 สาเหตุของอาการขนร่วงในน้องแมว ❓🐱 การผลัดขนตามธรรมชาติ : ภาวะที่น้องแมวมีการผลัดเส้นขนที่หมดอายุออกจากร่างกาย เป็นภาวะปกติที่พบได้ในน้องแมวทุกตัว น้องแมวที่ผลัดขนจะไม่มีอาการคัน เกิดขึ้นทั้งร่างกาย และไม่เห็นการหลุดร่วงเป็นหย่อม ๆ🐱 โรคผิวหนังจากการติดปรสิต : ปรสิตภายนอก ไม่ว่าจะเป็นหมัด เห็บ หรือไรในหูล้วนเป็นสาเหตุทำให้น้องแมวเกิดอาการขนร่วงได้ทั้งสิ้น โดยลักษณะของอาการขนร่วงที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับปรสิตที่เป็นสาเหตุ เช่น “หมัด” เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะภูมิแพ้น้ำลายหมัด น้องแมวมักมีขนร่วงบริเวณสองข้างของลำตัว หรือ “ไรในหู” เป็นสาเหตุของภาวะหูอักเสบ น้องแมวมักมีอาการคันหูมาก และอาจพบขนร่วงบริเวณหน้าได้อีกด้วย🐱 ภาวะขาดสารอาหาร : สารอาหารไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมัน หรือแร่ธาตุล้วนมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นขนในน้องแมว หากน้องแมวเกิดภาวะขาดสารอาหารจะส่งผลให้เส้นขนอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย ไม่เงางาม หากน้องแมวเกิดภาวะนี้ พวกเขามักมีร่างกายซูบผอม และยังอาจบ่งบอกถึงการมีพยาธิในร่างกายได้อีกด้วย !🐱 ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ :…