เคล็ดลับปกป้อง
ข้อมูล คำแนะนำ และเคล็ดลับการดูแลแมวจากสัตวแพทย์ เพื่อช่วยให้คุณดูแลแมวแสนรักให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุข และอยู่กับคุณไปนาน ๆ

บทความล่าสุด
-

ถ้าน้องแมวได้รับวัคซีนที่จำเป็นในแต่ละช่วงอายุไม่ครบจะเป็นไง ?แล้วมีวัคซีนหรือโปรแกรมไหนบ้างที่จำเป็น ?
อ่านต่อ ‣: ถ้าน้องแมวได้รับวัคซีนที่จำเป็นในแต่ละช่วงอายุไม่ครบจะเป็นไง ?แล้วมีวัคซีนหรือโปรแกรมไหนบ้างที่จำเป็น ?“ตอบปัญหาคาใจทาสแมว ! 🥰ถ้าน้องแมวได้รับวัคซีนที่จำเป็นในแต่ละช่วงอายุไม่ครบจะเป็นอย่างไร ? 🤔แล้วมีวัคซีนหรือโปรแกรมไหนบ้างที่จำเป็น ? 🤔 📍 วัคซีนคืออะไร ? 💉วัคซีนคือตัวช่วยสำคัญที่จะเข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของน้องแมวซึ่งพัฒนามาจากเชื้อโรคที่ทำให้อ่อนแรงจนไม่สามารถทำให้เกิดอาการป่วยได้เชื้อที่ตายแล้ว หรือชิ้นส่วนของเชื้อโรค 📍 ทำไมต้องเรียกว่า “โปรแกรมวัคซีน” ? 🗓สาเหตุที่ต้องเรียกว่า “โปรแกรม” เป็นเพราะการให้วัคซีนจำเป็นที่จะต้องให้หลายเข็มติดต่อกัน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการจดจำเชื้อโรคได้ โดยโปรแกรมวัคซีนหลักในน้องแมวจะเริ่มให้ตั้งแต่น้องแมวอายุครบ 8 สัปดาห์ และให้ทั้งหมด 3 เข็มห่างกัน 2-4 สัปดาห์ตามคำแนะนำของคุณหมอ 📍 ถ้าให้ไม่ครบจะเกิดอะไรขึ้น ? 🙀หากให้ไม่ครบ ไม่ว่าจะให้แค่เข็มเดียว หรือให้ไม่ติดต่อกัน ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายจะค่อย ๆ ลดลง จนในที่สุดก็จะจดจำเชื้อโรคไม่ได้ และไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคเมื่อเข้าสู่ร่างกายได้นั่นเอง 📍 วัคซีนหรือโปรแกรมไหนบ้างที่จำเป็น ? 😀วัคซีนที่แนะนำให้ฉีดในน้องแมว คือ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียในแมว และวัคซีนรวม ซึ่งในปัจจุบันการฉีดวัคซีนรวมเพียงเข็มเดียวก็สามารถปกป้องครอบคลุมได้ถึง 3 โรค ได้แก่ โรคไข้หัดแมวโรคไข้หวัดแมว และโรคช่องปากและลิ้นอักเสบในแมว โดยโปรแกรมที่แนะนำได้แก่ 🐱 โปรแกรมวัคซีนสำหรับน้องแมว🗓…
-

คาดไม่ถึง….ข้อควรรู้ ! สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ! เมื่อเลี้ยงน้องแมวระบบปิด
อ่านต่อ ‣: คาดไม่ถึง….ข้อควรรู้ ! สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ! เมื่อเลี้ยงน้องแมวระบบปิด“ใครว่าเลี้ยงน้องแมวให้อยู่แต่ในระบบปิด น้องแมวจะปลอดภัยจากภัยร้ายรอบตัว… 😱 เพราะสิ่งต่าง ๆ รอบตัว (โดยเฉพาะสิ่งที่เจ้าของมักมองข้าม) ก็อาจนำภัยร้ายมาสู่น้องแมวได้ 😱 ภัยร้ายที่เจ้าของมักมองข้าม ได้แก่ 🧴 ผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดพื้น :ถึงแม้น้ำยาทำความสะอาดพื้นจะสามารถช่วยกำจัดเชื้อโรคได้ แต่สารเคมีเหล่านี้นับเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้น้องแมวเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน นอกจากนี้กลิ่นของน้ำยาทำความสะอาดพื้นยังอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองในทางเดินหายใจของน้องแมว ทำให้น้องแมวป่วยได้อีกด้วย 🧴 ผงซักฟอก/น้ำยาซักผ้า/น้ำยาปรับผ้านุ่ม :ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนับเป็นสารเคมีซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังของน้องแมว ส่งผลให้น้องแมวเกิดอาการแพ้ คัน และขนร่วงได้ เจ้าของควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ไม่ทิ้งสารเคมีตกค้าง และล้างน้ำให้สะอาดทุกครั้ง 🧴 น้ำยาล้างอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น จาน ชาม ถ้วย ของเล่น :น้ำยาล้างทำความสะอาดเหล่านี้นับเป็นสารเคมีที่น้องแมวมีโอกาสสัมผัสได้สูงหากเลือกแบบที่ออกฤทธิ์แรงหรือล้างน้ำไม่สะอาด อาจมีสารตกค้างสะสมและเป็นอันตรายต่อน้องแมวได้ 🔸 สเปรย์ปรับอากาศ/กลิ่นภายในบ้าน :น้องแมวเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นที่ดีกว่ามนุษย์ ดังนั้นการใช้สารเคมีในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นสเปย์ปรับอากาศ กลิ่นน้ำหอม รวมถึงควันจากธูป อาจเป็นสาเหตุทำให้น้องแมวเกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจได้ 🔸 แป้งฝุ่นทาตัว :แป้งฝุ่นเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ฟุ้งกระจายในอากาศ สามารถเป็นตัวการในการกระตุ้นและเพิ่มโอกาสการเป็นภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้น้องแมวเกิดการจามหายใจติดขัด ระคายเคือง แพ้ หรือติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ 🔸 ปรสิตตัวร้ายทั้งภายในและภายนอก :ถึงแม้จะเลี้ยงน้องแมวในระบบปิด…
-

เป็นเมี๊ยวอัธยาศัยดี…รู้ตัวอีกทีติดโรคจากเมี๊ยวเพื่อนบ้าน? 😰
อ่านต่อ ‣: เป็นเมี๊ยวอัธยาศัยดี…รู้ตัวอีกทีติดโรคจากเมี๊ยวเพื่อนบ้าน? 😰“น้องเหมียวบ้านไหน อัธยาศัยดีเป็นที่ 1 ยกมือขึ้นน ! 🙋🏻♂️ไม่ว่าจะแขกไปใครมา ทั้งแมวจร แมวแปลกหน้า แค่วนเวียนอยู่หน้าบ้านเพียงเห็นปุ๊บก็รีบวิ่งออกไปต้อนรับแทบจะทันที 🤣รู้หรือไม่ !? พฤติกรรมแบบนี้อาจนำมาซึ่งการติดโรคร้ายไม่รู้ตัว ! 😱โรคร้ายที่ติดต่อง่ายขนาดนี้มีอะไรบ้าง ? แล้วติดได้ยังไงกันนะ ? ไปดูกัน ! ☠️ “เห็บ หมัด ไร พยาธิ” ตัวการโรคร้ายจากปรสิต 😿ขอยกให้ปรสิตเป็นอันดับ 1 ด้านการติดต่อง่าย เพราะแค่เพียงเดินผ่านก็แทบจะติดกันได้แล้ว ! โดยเฉพาะปรสิตภายนอกอย่างเช่นเห็บ หมัด และไรเพราะพวกมันสามารถกระโดด หรือไต่จากน้องแมวจรมาสู่น้องแมวของเราได้ง่าย ๆและถึงแม้จะมีมุ้งลวดหรือหน้าต่างป้องกัน แต่พวกมันก็สามารถหาหนทางเพื่อเข้ามาหาน้องแมวภายในบ้านเพื่อทำร้ายน้องแมวจนได้ในท้ายที่สุดนอกจากนี้พยาธิภายในที่อาจติดต่อกันผ่านทางอุจจาระที่ปนเปื้อนมากับน้องแมวจรซึ่งอาจติดอยู่กับสิ่งแวดล้อมได้นานหลายเดือน ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มองข้ามไม่ได้เลยล่ะ โดยโรคร้ายที่สามารถเกิดได้มีทั้งโรคพยาธิเม็ดเลือดในแมวที่มีสาเหตุมาจากการโดนหมัดกัด โรคภูมิแพ้น้ำลายหมัด โรคผิวหนัง คัน ขนร่วง จากการโดนเห็บกัดรวมถึงสุขภาพที่เสื่อมโทรมจากการติดพยาธิในทางเดินอาหารนั่นเอง ☠️ “เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย” ตัวการโรคติดต่อแสนน่ากลัว 😿เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดสามารถติดต่อกันได้ผ่านหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นสารคัดหลั่ง (น้ำมูก น้ำลาย) รวมถึงแพร่ผ่านอากาศที่น้องแมวหายใจซึ่งเชื้อเหล่านี้จะเข้าไปภายในร่างกายและกระตุ้นให้น้องแมวเกิดความผิดปกติต่าง ๆตามมา เช่น โรคไข้หัดแมว…
-

🤔 อันตรายไหม? เจ้าเหมียวสำรอกออกมาเป็นพยาธิตัวสีขาว เจอแบบนี้รักษาอย่างไร?
““หมัดแมว” ปรสิตร้ายที่รายล้อมอยู่รอบตัวน้องแมว นอกจากจะพบเจอได้ง่ายแล้วยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคร้ายในน้องแมวอีกด้วย !หมัดแมว คืออะไร และก่อให้เกิดโรคร้ายใดในน้องแมวได้บ้าง บทความนี้มีคำตอบ ! 📍 “หมัดแมว” คืออะไร ? 🤔หมัดแมว คือปรสิตชนิดหนึ่งซึ่งพบเจอได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม ดำรงชีวิตด้วยการกินเลือดน้องแมวเป็นอาหาร อาศัยและแพร่พันธุ์อยู่ทั้งบนตัวน้องแมวและในสิ่งแวดล้อม ความน่ากลัวของหมัดแมวคือพวกมันสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ปริมาณมากและไข่มีความทนทานสูง อีกทั้งยังเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศแบบประเทศไทยปรสิตชนิดนี้จึงยังคงพบการระบาดอย่างมากมายภายในประเทศไทยนั่นเอง 📍 “หมัดแมว” เป็นสาเหตุของโรคร้ายอะไรได้บ้าง ? 🤔เมื่อน้องแมวโดน “หมัดแมว” กัด น้องแมวจะเกิดอาการคัน ในรายที่มีอาการแพ้จะเกิดอาการขนร่วงจากภาวะที่เรียกว่า “ภูมิแพ้น้ำลายหมัด” นอกจากนี้หมัดแมวยังเป็นพาหะของพยาธิตืดแตงกวา และเป็นพาหะของโรคพยาธิเม็ดเลือดในแมวได้อีกด้วย 📍 “หมัดแมว” ป้องกันได้อย่างไร ? 🤔วิธีการป้องกันหมัดแมวที่ดีที่สุด ต้องทำร่วมกัน 2 ด้านคือ🔸 1. ดูแลความสะอาดของสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ หมั่นดูดฝุ่น และทำความสะอาดที่ที่น้องแมวอยู่อาศัย เพราะหมัดแมวสามารถอยู่อาศัยทั้งในสิ่งแวดล้อมและบนตัวน้องแมวได้นั่นเอง🔸 2. ใช้โปรแกรมป้องกันปรสิตที่ออกฤทธิ์ป้องกันหมัดแมวให้น้องแมวเป็นประจำทุกเดือน โดยเลือกใช้โปรแกรมที่มีประสิทธิภาพและสัตวแพทย์แนะนำ “หมัดแมว” ปรสิตร้ายที่พบเจอได้บ่อยในน้องแมว อย่าลืมปกป้องน้องแมวจากหมัดแมวเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมวตลอดไป 🧡 🐱 ดูแลน้องแมว ด้วย…
-

พาน้องเหมียวเที่ยวเพลิน ระวัง “หมัดแมว” ถามหาาา ! 😱
“น้องแมวสำรอกออกมาเป็นพยาธิตัวสีขาว ๆ แบบนี้จะต้องทำอย่างไรดี?วันนี้เรามีคำถามยอดฮิต และคำตอบจากคุณหมอมาฝาก มาดูกันว่าพยาธิเหล่านี้คืออะไรมีอันตรายแค่ไหน และควรทำอย่างไรเมื่อพบว่าน้องแมวของเรามีพยาธิ 🤔 Q: พยาธิตัวสีขาวที่เห็นในสำรอกของน้องแมวคืออะไร? 🔸A: พยาธิตัวสีขาวที่สามารถพบได้ในสำรอกของแมวมีหลายชนิด โดยชนิดที่มักพบได้ในอาเจียนส่วนใหญ่มักจะเป็นพยาธิไส้เดือนและพยาธิตัวตืด 😱 🤔 Q: ถ้าน้องแมวมีพยาธิในร่างกายจะเป็นอันตรายแค่ไหน? 🔸A: พยาธิในระบบทางเดินอาหารสามารถทำให้แมวมีอาการท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักลด และเบื่ออาหารได้ หากปล่อยให้พยาธิเจริญเติบโตในร่างกายของแมวเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เกิดการอุดตันของลำไส้ หรือพยาธิเคลื่อนตัวไปยังอวัยวะข้างเคียง และทำให้อวัยวะดังกล่าวเกิดการทำงานล้มเหลวนอกจากนี้ พยาธิบางชนิด เช่น พยาธิตัวกลม ยังสามารถติดต่อจากแม่แมวไปสู่ลูกแมว เพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตในลูกแมวได้อีกด้วย 😱 🤔 Q: เมื่อพบว่าน้องแมวสำรอกออกมาเป็นพยาธิ ควรทำอย่างไร? 🔸A: หากพบว่าเจ้าเหมียวสำรอกออกมาเป็นพยาธิตัวสีขาว ควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ทันที สัตวแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยและให้ยาถ่ายพยาธิที่เหมาะสมกับน้องแมว รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลแมวเบื้องต้นหลังการถ่ายพยาธิ 🤔 Q: มีวิธีป้องกันไม่ให้น้องแมวติดพยาธิได้อย่างไรบ้าง? 🔸A: การป้องกันไม่ให้น้องแมวติดพยาธิแบบเบื้องต้นนั้นสามารถทำได้โดยการหมั่นทำความสะอาดที่อยู่อาศัยและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแมว เพื่อกำจัดพยาธิในสิ่งแวดล้อม ไปพร้อม ๆ กับการเสริมโปรแกรมปกป้องพยาธิภายในให้กับน้องแมวเป็นประจำทุกเดือนเพื่อลดโอกาสการติดพยาธินั่นเอง น้องแมวสำรอกออกมาเป็นพยาธิตัวสีขาว ไม่ใช่เรื่องปกติ !…
-

5 สัญญาณเตือนเมื่อน้องน้องแมวมีพยาธิในทางเดินอาหาร ! 😱
“น้องแมวมีพยาธิในทางเดินอาหารหรือไม่…มีวิธีสังเกตอย่างไรบ้าง?หากคุณกำลังสงสัยว่าน้องแมวกำลังมีพยาธิในทางเดินอาหารหรือไม่? ทำไมน้องแมวกินเท่าไหร่ก็น้ำหนักไม่ขึ้นซักที? วันนี้เรามี 5 สัญญาณเตือนเมื่อน้องน้องแมวมีพยาธิในทางเดินอาหารมาฝาก จะมีอะไรบ้างไปดูกัน ! 🔸 1. ท้องเสีย และอาจมีเลือดปนมากับอุจจาระพยาธิบางชนิด เช่น พยาธิปากขอ จะเข้าไปอาศัยอยู่ในบริเวณลำไส้ของน้องแมวใช้ปากที่มีเขี้ยวคมยึดเกาะเพื่อดูดเลือดแย่งชิงสารอาหารจากน้องแมว ส่งผลให้น้องแมวเกิดความผิดปกติที่บริเวณผนังลำไส้ เกิดอาการท้องเสียบ่อยครั้ง และในบางครั้งอาจมีเลือดออกปะปนมากับอุจจาระได้ ดังนั้นหากน้องแมวมีอาการท้องเสียหรือถ่ายปนเลือดอย่าลืมสงสัยการติดพยาธิทางเดินอาหารไว้ด้วยล่ะ 🔸 2. น้ำหนักลด ทั้งที่กินได้เป็นปกติหากน้องแมวกินอาหารได้ตามปกติแต่กลับมีน้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะพยาธิในทางเดินอาหารที่แย่งชิงสารอาหารจากร่างกายน้องแมว ส่งผลให้ร่างกายของน้องแมวได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และซูบผอมลงทั้งๆ ที่กินได้ตามปกตินั่นเอง 🔸 3. ผอมแต่พุงโลน้องแมวที่ติดพยาธิบางตัวอาจมีอาการผอมแต่พุงโล เนื่องจากพยาธิที่อยู่ในทางเดินอาหารอาจเข้าไปเจริญเติบโตที่อวัยวะภายในข้างเคียง ส่งผลให้อวัยวะเกิดความเสียหาย รวมถึงเสียสมดุลของเลือดภายในร่างกาย เกิดการสะสมน้ำภายในช่องท้อง ทำให้น้องแมวดูมีพุงใหญ่แต่ร่างกายผอมแห้งนั่นเอง 🔸 4. อาเจียน เซื่องซึมหากน้องแมวมีอาการอาเจียนบ่อยๆ และเซื่องซึม ไม่กระตือรือร้นเหมือนเดิมอาจเป็นสัญญาณของการติดพยาธิในทางเดินอาหาร เพราะพยาธิจะทำให้ระบบย่อยอาหารของน้องแมวทำงานผิดปกติ ในรายที่มีการติดพยาธิอย่างรุนแรงอาจอาเจียนออกมาเป็นตัวอ่อนของพยาธิได้เลยล่ะ 🔸 5. มีพยาธิติดอยู่บริเวณทวารหนัก และปะปนออกมากับอุจจาระถ้าพบว่ามีพยาธิตัวเล็กๆ ติดอยู่บริเวณทวารหนักของน้องแมวหรือในอุจจาระที่ถ่ายออกมาเป็นสัญญาณชัดเจนว่ามีพยาธิในลำไส้ ควรรีบพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที “พยาธิทางเดินอาหาร” ร้ายกาจกว่าที่คาดคิด หากพบน้องแมวมีอาการ 1 ใน 5 หรือมากกว่านี้…
-

🌧 หน้าฝนแบบนี้ต้องระวัง ! 😱 “ความชื้น” และ “ยุง” สาเหตุโรคร้ายในน้องแมวที่พบได้บ่อยในหน้าฝน !
“🌧 หน้าฝนแบบนี้ต้องระวัง ! 😱 ถึงจะเลี้ยงน้องแมวแค่ภายในบ้าน แต่ช่วงหน้าฝนกลับเต็มไปด้วยอันตรายทั้งจากความชื้นในอากาศและจากยุงที่เยอะมากกว่าฤดูกาลอื่นๆ ปัจจัยทั้ง 2 ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพของน้องแมว และทาสน้องแมวอย่างเราจะสามารถป้องกันโรคร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย ! 📍 “ความชื้น” สาเหตุโน้มนำของการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ 🌧เคยสังเกตไหมว่าช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็นๆ ชื้นๆ มักเป็นช่วงที่เราป่วยด้วยโรคไข้หวัดบ่อยที่สุด น้องแมวเองก็ไม่แตกต่างกันเลยล่ะ นั่นเป็นเพราะอากาศที่มีความชื้นสูงมักจะดูดซับเอาเชื้อโรคทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้เมื่อน้องแมวสูดอากาศหายใจเข้าไปก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสทำให้น้องแมวป่วยได้มากขึ้นนั่นเอง 🔸 อาการต้องสงสัยอาการของน้องแมวที่ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจแตกต่างกันไปตามเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ โดยทั่วไปอาการที่สามารถพบได้ ได้แก่ ซึม เบื่ออาหาร มีไข้ ไอ จาม หายใจลำบาก มีน้ำมูก น้ำตาไหล เจ็บปาก เจ็บตา เป็นต้น 🔸 การรักษาจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์ ห้ามให้ยากับน้องแมวด้วยตัวเองโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะยาในกลุ่มพาราเซตามอลเนื่องจากมีความเป็นพิษต่อน้องแมวสูงโดยสัตวแพทย์จะทำการรักษาตามอาการเพื่อช่วยให้ร่างกายของน้องแมวสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อจัดการกับเชื้อโรคได้ ได้แก่ การให้สารน้ำ ยาละลายเสมหะยาขยายหลอดลม ยาแก้ไอ ยาลดการอักเสบ รวมถึงยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน นอกจากนี้ในบางรายอาจพิจารณาให้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการที่น้องแมวแสดงออกและสุขภาพโดยรวมของน้องแมว 🔸 การป้องกันวิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือการพาน้องแมวไปรับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคโดยในปัจจุบันสามารถเริ่มวัคซีนเข็มแรกได้ตั้งแต่น้องแมว 8 สัปดาห์(ในรายที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ไม่ได้รับนมน้ำเหลืองจากแม่…
-

4 วิธี ดูแลน้องเหมียวให้สุขภาพดี 😍 แข็งแรงสบายตัวในช่วงหน้าฝน ☔
“หน้าฝนนี้…อย่าลืมใส่ใจน้องแมวให้มากกว่าที่เคย 🥰 รู้หรือไม่? ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่น้องแมวต้องการการดูแลใส่ใจมากเป็นพิเศษนั่นเป็นเพราะความชื้นและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถทำให้น้องแมวของเราป่วยได้ง่ายขึ้นนั่นเอง วันนี้เรามี 4 วิธีการดูแลน้องแมวในช่วงฤดูฝนมาฝากไปดูกันว่าเคล็ดลับ 4 ข้อที่เรานำมานี้จะช่วยให้พวกเขาสุขภาพดี แข็งแรง และสบายตัวมากกว่าที่เคยได้อย่างไร ไปดูกัน ! 🥰 🔸 1. จัดที่อยู่ให้อบอุ่น ไร้เสียงรบกวน 🏠น้องแมวเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสไวต่อเสียง โดยเฉพาะเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าเสียงเหล่านี้อาจทำให้น้องแมวตกใจและเกิดความเครียดได้ (ขอบอกเลยว่าความเครียดในน้องแมวเป็นสาเหตุของโรคร้ายมากมายเลยล่ะ) เพราะเหตุนี้ เมื่อฝนตกหนักอย่าลืมจัดแจงที่อยู่ให้น้องแมวอยู่ในห้องที่เงียบสงบเพื่อช่วยลดความเครียดของน้องแมวลงด้วยล่ะ 🔸 2. หมั่นเช็ดทำความสะอาดอุ้งเท้า 🐈ในช่วงหน้าฝน หากบ้านไหนเลี้ยงน้องแมวแบบปล่อยและน้องแมวเผลอเดินไปเหยียบย่ำในที่เปียกชื้นหรือโคลนเข้า อย่าลืมหมั่นเช็ดทำความสะอาดอุ้งเท้าของน้องแมวหลังจากที่กลับเข้าบ้านเพื่อช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ (หากน้องแมวตัวเปียก อย่าลืมเช็ดตัวเพื่อป้องกันการเป็นหวัดด้วยน้าา) 🔸 3. ดูแลที่นอนให้แห้งอยู่เสมอ 🛌🏾ที่นอนของน้องแมวควรอยู่ในสภาพแห้งและสะอาดอยู่เสมอ หากที่นอนของน้องแมวบังเอิญเปียกฝนหรือชื้น ที่นอนอันแสนอบอุ่นอาจแปลงร่างกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้น้องแมวป่วยได้ดังนั้นอย่าลืมดูแลที่นอนของน้องแมวให้แห้งอยู่เสมอ หากเปียกฝนควรตากให้แห้งและหากนำไปซักทำความสะอาด อย่าลืมอบให้แห้งก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง 🔸 4. เสริมเกราะป้องกันปรสิตตัวร้ายด้วยโปรแกรม EVOLUTION of Cat Careเป็นประจำทุกเดือน 🧡 ช่วงหน้าฝน เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลที่ปรสิตชุกชุมมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นยุงที่เป็นพาหะของพยาธิหนอนหัวใจ รวมถึงหมัดและเห็บที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังและพยาธิเม็ดเลือดในน้องแมว ดังนั้นอย่าลืมเสริมเกราะป้องกันปรสิตร้ายให้น้องแมวด้วยโปรแกรมที่สัตวแพทย์แนะนำอย่าง…
-

เจ้าเหมียวคันหูอย่าละเลย “ไรในหู” ภัยเงียบที่เจ้าของควรรู้ไว้ ‼️😱
“โอ้ย…คันหู…แต่ไม่รู้ว่าจะบอก ‘นุด’ ยังไงดี ! 😖 เพราะน้องแมวพูดไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทาสแมวอย่างเราที่ต้องหมั่นสังเกตอาการความผิดปกติของน้องๆ อยู่เสมอ โดยหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยและต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ นั่นคืออาการคันหูอันมีสาเหตุมาจาก “ไรในหู”ภัยเงียบที่เจ้าของควรรู้และรีบจัดการทันที ! 😱 สัญญาณที่บ่งบอกว่าน้องแมวมีไรในหู ได้แก่🔸 1. การเกาหรือสะบัดหูบ่อยๆ หากน้องแมวของคุณเริ่มมีพฤติกรรมเกาหูหรือสะบัดหูบ่อยๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าพวกเขามีปัญหาในช่องหูซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการระคายเคืองหรือคันเนื่องจากไรในหูนั่นเอง 🔸 2. มีขี้หูสีดำ ขี้หูของน้องแมวปกติควรจะมีสีเหลืองอ่อนหรือสีน้ำตาลอ่อนแต่เมื่อไรที่พบว่าน้องแมวมีขี้หูสีดำคล้ายกับผงกาแฟและเหนียว อาจเป็นสัญญาณว่ามีไรในหูอยู่ภายใน สาเหตุเป็นเพราะไรในหูจะกระตุ้นให้ช่องหูเกิดการอักเสบ และขี้หูสีดำที่เห็นเกิดจากการสะสมกันของเลือด ขี้หู และตัวไรนั่นเอง 🔸 3. เช็ดแล้วกลับมาใหม่และส่งกลิ่นเหม็น หากคุณพยายามเช็ดขี้หูของน้องแมวก็แล้ว แต่ขี้หูยังคงกลับมาใหม่อย่างรวดเร็ว และมีกลิ่นเหม็น นั่นเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าน้องแมวของคุณมีไรในหู เพราะการติดไรในหูจะทำให้ช่องหูของน้องแมวเกิดอักเสบ และเอื้อต่อการสะสมของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อยีสต์ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นนั่นเอง หากสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ อย่าลืมพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที ! อย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการรุนแรง เพราะช่องหูอากเกิดการติดเชื้อและยากต่อการรักษาได้ ! ป้องกันไรในหูน้องแมวตั้งแต่วันนี้ ด้วยการใช้โปรแกรมป้องกันไรในหูที่สัตวแพทย์แนะนำเป็นประจำทุกเดือน ! 🧡 🐱 ดูแลน้องแมว ด้วย EVOLUTION of Cat Care…
-

รู้หรือไม่ ! เจ้าเหมียวหายใจหอบ อาจเกิดจากโรคร้ายที่คาดไม่ถึง! 😱
“หากสังเกตเห็นน้องแมวหอบหายใจ อย่าเผลอมองข้ามเด็ดขาด! เพราะอาการเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นอาการหายใจหอบ(โดยเฉพาะเมื่อนั่งพักหรือนอนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการเหนื่อย)ไอ หายใจติดขัด หายใจลำบาก หรือมีเสียงผิดปกติขณะหายใจนอกจากจะบ่งบอกถึงโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจได้แล้วอาการเหล่านี้ยังเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมี “พยาธิหนอนหัวใจ”ในน้องแมวได้อีกด้วย ! 😣 สาเหตุที่น้องแมวมีอาการเหล่านี้เมื่อมีพยาธิหนอนหัวใจภายในร่างกายเกิดจากการที่เมื่อน้องแมวโดน “ยุง” ซึ่งเป็นพาหะนำโรคมาดูดเลือด 🦟พยาธิหนอนหัวใจจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดไปเจริญเติบโตในร่างกายโดยเฉพาะหลอดเลือดบริเวณปอด กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และเกิดอาการความผิดปกติเกี่ยวกับการหายใจนั่นเอง ซึ่งไม่เพียงแต่อาการหายใจลำบากเท่านั้นการมีพยาธิหนอนหัวใจอุดตันอาจทำให้น้องแมวเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้เลยทีเดียว ! ดังนั้น วิธีป้องกันที่ดีที่สุด เจ้าของควรระวังไม่ให้น้องแมวโดนยุงกัดและใช้โปรแกรมป้องกันพยาธิหนอนหัวใจสำหรับน้องแมวอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือน 🐱 รู้แบบนี้อย่าลืมดูแลน้องแมว ด้วย EVOLUTION of Cat Careโปรแกรมป้องกันปรสิตสำหรับแมวที่สัตว์แพทย์แนะนำเป็นประจำทุกเดือนหลอดที่ใช่ ปลอดภัย แห้งไว้ ตรงจุด ดูแลป้องกันปรสิตครอบคลุมทั้งปรสิตภายนอกและภายใน ได้แก่ พยาธิหนอนใจ, พยาธิปากขอ, พยาธิตัวกลม,ไรในหู, เห็บ, ไข่หมัด, ตัวอ่อนหมัด, หมัด, เหา #รักและห่วงใยปลอดภัยจากปรสิต #Evolution #EvolutionOfCatCare #ปกป้องรอบด้าน #ปลอดภัย #อุ่นใจยกบ้าน” FacebookfacebookXtwitterLINEline
